ชุมชนร่วมสร้าง ธนารักษ์ร่วมสรรค์
ชุมชนร่วมสร้าง ธนารักษ์ร่วมสรรค์
18/2/2559 / 107 / สร้างโดย ลลิตา อัศวสกุลฤชา

ถิ่นฐาน ย่านเก่า
ย่านบางลำพู เป็นพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งในเกาะรัตนโกสินทร์ ที่มีเรื่องราวมากมาย ในแง่มุมทางประวัติศาสตร์ ความหลากหลายทางชาติพันธุ์ รากเหง้าทางวัฒนธรรมสำคัญๆ ที่เล่าขานมาอย่างน่าสนใจ ด้วยความโดดเด่นด้านวัฒนธรรม ทั้งยังเป็นย่านเศรษฐกิจ แหล่งความบันเทิงอันเฟื่องฟูในอดีต เป็นแหล่งที่มีงานช่างฝีมืออันประณีตงดงามทั้งเครื่องทอง เครื่องถม และยังเป็นย่านตลาดสำคัญแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ปัจจุบันย่านบางลำพู มีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางกายภาพ เศรษฐกิจและสังคม โดยเห็นได้จากการคมนาคมที่สะดวกขึ้น การค้าที่ขยายตัว และการเข้ามาของธุรกิจนำเที่ยว ทำให้ย่านบางลำพูกลายเป็นศูนย์รวมของธุรกิจการท่องเที่ยว ที่คึกคักและมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ โดยเฉพาะบนถนนข้าวสารที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวแบบแบกเป้ (Backpacker) ที่ตอบสนองนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ซึ่งต้องการที่พักอาศัยในราคาย่อมเยา และยังมีสถานที่สำคัญอีกหลายแห่งในย่านบางลำพู

 

โรงพิมพ์คุรุสภา เป็นสถานที่สำคัญที่ตั้งอยู่ในย่านบางลำพูมานานกว่า ๘๐ ปี โดยตั้งอยู่ริมคลองบางลำพู ถนนพระสุเมรุ แขวงวัดชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เดิมเป็นบ้านของพระยานรนารถภักดีศรีรัษฎากร (เอม ณ มหาไชย) ต่อมาได้ตกเป็นที่ราชพัสดุ ในปี พ.ศ. ๒๔๖๗ กระทรวงพาณิชย์ได้ขอใช้เป็นที่เก็บหนังสือ บัญชีและสิ่งของจากห้างเยอรมันและออสเตรีย ในปี พ.ศ. ๒๔๖๘ กรมตำรา กระทรวงศึกษาธิการได้ขอใช้เป็นร้านกลางสำหรับจำหน่ายแบบเรียน จึงมีการรื้อและซ่อมแซมอาคารเดิม โดยปรับปรุงอาคารด้านริมถนนพระสุเมรุ เป็นโรงพิมพ์ชั้นเดียว ต่อมาในปีพ.ศ. ๒๔๖๗ อาคารเกิดชำรุด และได้ปรับปรุงเรือนไม้ริมคลองเพื่อใช้เป็นที่เก็บกระดาษ ในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ กระทรวงศึกษาธิการ ได้เปิดดำเนินการเป็นโรงเรียนช่างพิมพ์วัดสังเวช โดยสร้างอาคารด้านหน้าติดกับถนนพระสุเมรุเป็นอาคารคอนกรีตรูปตัวแอล ( L ) ก่ออิฐถือปูนสองชั้นเป็นอาคารแบบบาวเฮาส์ (International Style) ถือเป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกยุคแรกๆ ออกแบบโดยเน้นรูปทรงเรขาคณิต ตัดลวดลายรุงรังออก เน้นความเรียบง่าย แต่งดงาม ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๙๓ หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ จำนวนนักเรียนได้ลดลงมาก โรงเรียนช่างพิมพ์วัดสังเวชจึงต้องปิดตัวลง และได้เปลี่ยนมาเป็นโรงพิมพ์คุรุสภา สำหรับพิมพ์ตำราและหนังสือวรรณคดีเอกของชาติ ก่อนที่กระทรวงศึกษาธิการจะหมดสัญญาเช่าพื้นที่กับกรมธนารักษ์ใน ปี พ.ศ. ๒๕๓๘ และได้ย้ายโรงพิมพ์ไปอยู่ที่โรงพิมพ์คุรุสภา ลาดพร้าว อาคารโรงพิมพ์คุรุสภาแห่งนี้จึงถูกทิ้งร้างนับตั้งแต่นั้นมา



สองข้าง ต่างคิด

จนในระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๔๑ – ๒๕๔๓ ได้มีโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์เพื่อสร้างสวนสาธารณะริมป้อม พระสุเมรุ ตามแผนพัฒนาเชิงอนุรักษ์เกาะรัตนโกสินทร์ ของคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า มีมติให้รื้อถอนอาคารไม้บางส่วน แต่ชาวชุมชนบางลำพูเห็นว่า อาคารแห่งนี้มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เป็นอาคารไม้โบราณขนาดใหญ่ที่มีประวัติการก่อสร้างที่ชัดเจนและใช้ประโยชน์ด้านการพิมพ์หนังสือของประเทศมาเป็นเวลานาน ควรที่จะปรับปรุงและอนุรักษ์อาคารและพื้นที่แห่งนี้ไว้ และแสดง ความประสงค์จะใช้สถานที่ให้เกิดประโยชน์มากกว่าการรื้อทิ้งเพื่อนำพื้นที่ไปสร้างสวนสาธารณะ จึงได้รวมตัวกันเพื่อคัดค้านการรื้ออาคารที่เหลืออยู่ จนเกิดการรวมตัวเป็น "ประชาคมบางลำพู” โดยเมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๔๒ ตัวแทนของประชาคมบางลำพู นำโดย ศาสตราจารย์ คุณหญิงเต็มสิริ บุญยสิงห์ และคณะกรรมการประชาคม และสถาปนิกอิสระ รวม ๘ ท่าน ได้เข้าพบและขอเจรจากับอธิบดีกรมธนารักษ์ เพื่อเสนอแผนการบูรณะและบริหารจัดการโรงพิมพ์คุรุสภาให้เป็นศูนย์ศิลปวัฒนธรรม หัตถกรรม นันทนาการ และห้องสมุดชุมชนตามที่ได้ตกลงกันไว้ในการเจราจาโดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน เมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ ผลการเจรจาครั้งนี้อยู่ในรูปแบบการประนีประนอม และได้มีการเจรจาอีกครั้งในวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๔๒ ซึ่งมีความเห็นที่สอดคล้องกันในเรื่องการรื้อถอนอาคารในส่วนกลางที่อยู่ใกล้ทางเข้า – ออก ซึ่งสอดคล้องกันตามแผนของประชาคมบางลำพู และทางประชาคมบางลำพูได้เสนอว่า การรื้อถอนจะต้องอยู่ภายใต้การจัดทำแผนผังที่ชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด และต้องได้รับการยินยอมจากกรมศิลปากร๑ซึ่งอธิบดีกรมศิลปากรได้ส่งหนังสือเลขที่ ศธ ๐๗๐๘/๒๐๘๘ ลงวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๔๑ เรื่องขอคัดค้านโครงการรื้ออาคารโบราณสถาน ซึ่งมีเนื้อความโดยสรุปว่า อาคารโรงพิมพ์คุรุสภาเป็นอาคารที่มีประวัติความเป็นมาที่ชัดเจน มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และเป็นตัวแทนของอาคารในยุคหนึ่งที่ทำให้สถาปัตยกรรมมีความเชื่อมโยงระหว่างอดีตกับปัจจุบัน อาคารแห่งนี้ถือว่าเป็นโบราณสถาน แม้จะไม่ได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานก็ถือว่าได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยฉบับที่ ๒ (พ.ศ.๒๕๓๕)นอกจากนี้การคัดค้านดังกล่าวยังได้รับการสนับสนุนจากหลายหน่วยงาน เช่น สหพันธ์อุตสาหกรรมการพิมพ์ สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย สมาพันธ์องค์กรเพื่อพัฒนาหนังสือและการอ่าน รวมทั้งกลุ่มนักวิชาการ


แนวทาง ความหวัง

ผลจากการเห็นคุณค่าและความพยายามผลักดันให้เกิดการอนุรักษ์โรงพิมพ์เก่าแก่ของชาวบางลำพู ประกอบกับกรมธนารักษ์ได้ดำเนินงานโดยยึดพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งได้กำหนดแนวทางการปฏิบัติราชการมุ่งให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชน โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน ให้เกิดความผาสุก ความเป็นอยู่ที่ดีความสงบและปลอดภัยของสังคมส่วนรวม ตลอดจนประโยชน์สูงสุดของประเทศ กรมธนารักษ์จึงเปิดโอกาสให้ ชาวบางลำพูได้มีโอกาสเข้าร่วมรับรู้ ทำความเข้าใจ ร่วมแสดงทัศนะร่วมคิดแนวทาง ร่วมแก้ปัญหา และร่วม ตัดสินใจในการปรับปรุงอาคารเก่าแก่หลังนี้ นับเป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์อันดีระหว่างชาวบางลำพูกับกรมธนารักษ์ ซึ่งทุกภาคส่วนมีความหวังว่าจะนำไปสู่ความสำเร็จในการจัดตั้งแหล่งเรียนรู้ของชุมชน อันเป็นประโยชน์ของชุมชนต่อไป

 

จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๕๕๕ กรมธนารักษ์ได้มีมติให้บูรณะซ่อมแซมอาคารที่ปลูกสร้างในที่ดินราชพัสดุแปลง โรงพิมพ์คุรุสภา ซี่งมีเนื้อที่ประมาณ ๑ ไร่เศษ แห่งนี้ โดยใช้แนวความคิดการพัฒนาเชิงอนุรักษ์โบราณสถาน (Heritage Development) ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญที่กรมธนารักษ์ได้ใช้ในการพัฒนาที่ราชพัสดุ โดยการพัฒนาปรับปรุงอาคารเดิมและพื้นที่ชุมชนให้มีความสวยงาม โดดเด่น บูรณะและตกแต่งรูปแบบของอาคารให้สอดคล้องกับเอกลักษณ์ท้องถิ่น เป็นสาธารณะประโยชน์แก่ชุมชนและสังคม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า อันมีส่วนช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้ชุมชนบางลำพูเป็นแหล่งท่องเที่ยวบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์และเป็นศูนย์การเรียนรู้เชิงการศึกษาวัฒนธรรมชุมชน โดยจัดสร้างศูนย์การเรียนรู้กรมธนารักษ์และห้องสมุดชุมชนภายใต้ชื่อ "พิพิธบางลำพู” และมอบให้สำนักทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดินมีหน้าที่ในการดูแลบริหารจัดการ "พิพิธบางลำพู” เพื่อเป็นต้นแบบของการดำเนินงานร่วมกันแบบบูรณาการระหว่างภาครัฐ และชุมชนอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แนวคิด ประสบการณ์ และพัฒนาพื้นที่ร่วมกัน


รวมใจ สร้างสรรค์

ในระหว่างที่มีการปรับปรุงอาคารโรงพิมพ์คุรุสภานั้น กรมธนารักษ์ได้ทำการสำรวจความเห็นของ ชาวบางลำพูเพื่อนำมาร่วมพิจารณาวางรูปแบบการจัดแสดง โดยกำหนดให้พิพิธบางลำพูเป็นศูนย์การเรียนรู้ของกรมธนารักษ์ จัดแสดงภารกิจหลักทั้ง ๕ ด้าน คือ ด้านบริหารที่ราชพัสดุ ด้านผลิตเหรียญกษาปณ์และของสั่งจ้าง ด้านบริหารเงินตรา ด้านทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน และด้านประเมินราคาทรัพย์สิน รวมทั้งเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้สมัยใหม่ซึ่งประยุกต์การแสดงวัตถุและการเล่าเรื่องเชิงประวัติศาสตร์เข้ากับการแสดงวิถีชุมชนบางลำพู อย่างน่าสนใจ โดยส่วนหนึ่งเป็นข้อมูลที่มาจากฐานข้อมูลชุมชน ซึ่งชาวบางลำพูได้เคยทำวิจัยทางประวัติศาสตร์ เรื่อง "ผู้ใหญ่เล่า เยาวชนเขียน” มาก่อน๓นอกจากนี้แล้ว ชาวชุมชนบางลำพู ประชาคมบางลำพู และปราชญ์ชุมชนประมาณ ๓๐ คน ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการนำเสนอข้อมูลพื้นฐาน ตรวจสอบความถูกต้องและเหมาะสมของข้อมูลที่ใช้ในการจัดแสดง



ชาวชุมชนบางลำพูยังได้มีส่วนร่วมในการจัดการแสดงภายในพิพิธบางลำพู โดยการมอบวัตถุสำหรับจัดแสดงต่าง ๆ อันเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการประกอบอาชีพ เป็นของสะสม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนบางลำพู วัตถุจัดแสดงที่ชาวบางลำพูได้มอบให้กรมธนารักษ์นำมาจัดแสดงในอาคารพิพิธบางลำพูได้แก่


 

 

 

 

 


นอกจากนี้แล้ว ชาวบางลำพูได้อัญเชิญ "พระพุทธบางลำพูประชานาถ” อันมีนามหมายถึง "ที่พึ่งของชาวบางลำพู” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในพระอุระเบื้องซ้าย และประทานให้เป็นพระพุทธรูปประจำชุมชนบางลำพู มาประดิษฐานไว้ที่พิพิธบางลำพูอย่างถาวร




การที่ชาวบางลำพูได้อัญเชิญพระพุทธบางลำพูประชานาถมาประดิษฐานยังพิพิธบางลำพู และได้มอบวัตถุจัดแสดงให้กับพิพิธบางลำพูเป็นผู้ดูแลนั้น นับได้ว่าเป็นเกียรติของกรมธนารักษ์ที่ได้รับความไว้วางใจจากชาวบางลำพูให้ดูแลรักษาสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ และวัตถุอันมีคุณค่าทางวัฒนธรรมของชุมชน

ร่วมกัน สร้างงาน

พิพิธบางลำพูได้เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากผู้เข้าชมชาวไทยและชาวต่างประเทศ นอกจากพิพิธบางลำพูเป็นแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรม ห้องสมุดชุมชน ศูนย์กลางของชุมชน แล้วยังเป็นสถานที่จัดกิจกรรมอันเป็นประโยชน์แก่ชุมชน กรมธนารักษ์ยังได้สร้างความร่วมมือกับเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาคม ต่างๆ ในการจัดกิจกรรมในพิพิธบางลำพูมาอย่างต่อเนื่อง เช่น งานเสวนา "เสน่ห์บางลำพู ธนารักษ์คู่ชุมชน” "พิพิธบางลำพู Night at the museum” "ธนารักษ์ย้อนวันวาน พิมานสนานพิพิธบางลำพู” "เทศกาลริมน้ำบางกอก” การจัดกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้กรมธนารักษ์ได้รับความร่วมมือ การสนับสนุนจากชาวบางลำพูเป็นอย่างดีเสมอมา



นอกจากนี้แล้วชาวบางลำพู ประชาคมบางลำพู และชมรมเกสรลำพู ยังได้กันร่วมกันจัดกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอ เช่น การจัดเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในชุมชนบางลำพู กิจกรรมไกด์เด็กบางลำพู การสาธิต การถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรม กิจกรรมการเสวนา โดยใช้พิพิธบางลำพูเป็นศูนย์กลางในการทำกิจกรรม ซึ่งทำให้พิพิธบางลำพูเป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีชีวิต มีสีสัน และเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้มีการเผยแพร่เรื่องราวของพิพิธบางลำพูและวิถีชีวิตชาวบางลำพูผ่านสื่อต่าง ๆ เช่น รายการโทรศัพท์ หนังสือ แผ่นพับ Facebook Youtube channel



พิพิธบางลำพู เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ ซึ่งเกิดจากความต้องการที่จะอนุรักษ์พื้นที่ทางวัฒนธรรมของชุมชน ประกอบกับกรมธนารักษ์ได้ปรับปรุงพื้นที่ราชพัสดุที่ให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชน ประชาชน และสังคม พิพิธบางลำพูจึงเป็นหลักฐานของการประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและชุมชนที่ก่อให้เกิดประโยชน์ด้านการเรียนรู้ของทุกคนในสังคมไทย ชาวบางลำพูเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมให้เกิดความสำเร็จในการบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมของชุมชน และเผยแพร่ให้ผู้เข้าชมชาวไทยและชาวต่างประเทศได้ทราบบทบาทหน้าที่ของกรมธนารักษ์ควบคู่กับอัตลักษณ์ของชุมชน

กลอน

*ภัณฑารักษ์ปฏิบัติการ ฝ่ายพิพิธภัณฑ์เหรียญ สำนักทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน กรมธนารักษ์


แพรวพรรณ แย้มไทย,กระบวนการเกิดประชาคมและผลกระทบต่อชุมชนบางลำพู ศึกษาจากกรณี:โรงพิมพ์คุรุสภาเก่า, วิทยานิพนธ์พัฒนาชุมชนมหาบัณฑิต คณะสังคมสงเคราะห์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๔๔, หน้า ๖๙.


อาคารโรงพิมพ์ครุสภาได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติ จากกรมศิลปากร เมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๓


สัมภาษณ์นางสาวปานทิพย์ ลิกขะไชย ผู้รับผิดชอบโครงการเสน่ห์บางลำพู วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๐


สัมภาษณ์นางสาวสุพิน หนองบัว สมาชิกชมรมเกสรลำพู วันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๐


เอกสารอ้างอิง

แพรวพรรณ แย้มไทย.กระบวนการเกิดประชาคมและผลกระทบต่อชุมชนบางลำพู ศึกษาจากกรณี : โรงพิมพ์คุรุสภาเก่า.วิทยานิพนธ์พัฒนาชุมชนมหาบัณฑิต คณะสังคมสงเคราะห์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. ๒๕๔๔.

ปานทิพย์ ลิกขะไชย (สัมภาษณ์) ผู้รับผิดชอบโครงการเสน่ห์บางลำพู วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๐

วรรณรัตน์ ไม้สุวงศ์ และคณะ.การวิจัยประเมินผล: ชมรมเกสรลำพู.รายงานรายวิชาการวิจัยประเมินผลโครงการ สว๓๑๔ คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. ๒๕๕๘.

วิมลสิริ เหมทานนท์ .การมีส่วนร่วมของชุมชนในการอนุรักษ์ทรัพยากรการท่องเที่ยว: ศึกษากรณีชุมชนย่านบางลำพู. วิทยานิพนธ์สังคมวิทยามหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 2546.

สำนักทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน กรมธนารักษ์.พิพิธบางลำพู กรมธนารักษ์. กรุงเทพฯ: สันติศิริการพิมพ์. ๒๕๕๘.

 

สุพิน หนองบัว (สัมภาษณ์) สมาชิกชมรมเกสรลำพู วันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๐


ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง line
ป้อมพระสุเมรุ
22/5/2561 / 226
สมัยก่อนรอบเกาะรัตนโกสินทร์มีการสร้างป้อมปราการ 14 แห่งเพื่อป้องกัน...
พิพิธบางลำพู
21/5/2561 / 291
จากโรงเรียนช่างพิมพ์วัดสังเวช ซึ่งเป็นโรงเรียนช่างพิมพ์แห่งแรกของ...
ต้อนรับสู่การเปิดเทอม
15/5/2561 / 135
ต้อนรับสู่การเปิดเทอมของเหล่าบรรดา "ไกด์เด็กบางลำพู" จาก 2-3เดือน...