สัญลักษณ์มงคลจีนภายในกรอบหน้าบันพระอุโบสถวัดสามพระยา ศิลปะพระราชนิยมสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งย่านบางลำพู
สมศักดิ์ ฤทธิ์ภักดี*
ในย่านบางลำพูเป็นพื้นที่ย่านประวัติศาสตร์ที่มีเรื่องราวความเป็นมาและมีกลุ่มคนหลากชาติหลายภาษาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาอยู่อาศัยกันอย่างต่อเนื่อง มีพระอารามหลวงสำคัญที่เกี่ยวข้องทางประวัติศาสตร์หลายแห่ง เช่น วัดบวรนิเวศวิหาร วัดชนะสงคราม วัดสังเวชวิศยาราม นอกจากนี้ยังมีวัดเก่าที่มีความเป็นมายาวนาน ดังเช่น วัดสามพระยา ถือเป็นพระอารามหลวงสำคัญแห่งหนึ่งของย่านบางลำพู มีประวัติการสร้างและบูรณะโดยตระกูลขุนนางในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ สิ่งปลูกสร้างภายในวัดมีลักษณะรูปแบบทางศิลปกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ที่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัยอย่างชัดเจน ในเขตพุทธาวาสของวัดสามพระยามีพระอุโบสถและศาสนสถานอื่น ๆ ในศิลปะแบบพระราชนิยมพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ยังปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน พระอุโบสถวัดสามพระยาเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน (ภาพ 1) มีลักษณะรูปแบบการสร้างคล้ายกับพระอุโบสถ วัดราชโอรสาราม (ภาพ 2) และพระอุโบสถวัดหลวงอื่น ๆ ที่มีประวัติการสร้างหรือปฏิสังขรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยสร้างพระอุโบสถในลักษณะที่ไม่มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ นอกจากนี้ยังมีเสาพาไลโดยรอบเพื่อรองรับน้ำหนักชายคาปีกนกแทนคันทวยแบบเดิม เป็นการประยุกต์ดัดแปลงให้มีความมั่นคงแข็งแรงมากขึ้น ซึ่งลักษณะดังกล่าว ได้ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนในงานสถาปัตยกรรมวัดสามพระยาวรวิหาร รวมทั้งลวดลายและงานประดับตกแต่งที่อยู่ภายในกรอบหน้าบันพระอุโบสถของวัดแห่งนี้มีความแตกต่างจากลวดลายประดับแบบประเพณีนิยมที่เคยมีมาก่อน ในที่นี้จะขอกล่าวถึงสัญลักษณ์มงคลจีนที่ประดับบนหน้าบันพระอุโบสถวัดสามพระยา อันแฝงคติความเชื่อมงคลแบบจีนไว้อย่างน่าสนใจและมีลักษณะที่แตกต่างจากลวดลายประดับตกแต่งภายในกรอบหน้าบันพระอุโบสถวัดอื่น ๆ ในย่านบางลำพู
ภาพ 1 พระอุโบสถวัดสามพระยาวรวิหารมีลักษณะศิลปกรรมแบบพระราชนิยมรัชกาลที่ 3
ภาพ 2 พระอุโบสถวัดราชโอรสารามศิลปกรรมแบบพระราชนิยมรัชกาลที่ 3
ที่มา : เว็บไซต์ http://www.dhammajak.net วัดประจำรัชการที่ 3 : วัดราชโอรสาราม
ความเป็นมาและลักษณะทั่วไปของพระอุโบสถวัดสามพระยา
วัดสามพระยาเป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ แต่เดิมเป็นวัดราษฎร์ ชาวบ้านเรียกวัดแห่งนี้ว่า "วัดบางขุนพรหม” สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โดยหลวงวิสุทธิโยธามาตย์ (ตรุษ) ขุนนางไทยเชื้อสายมอญ อุทิศถวายที่ดินพร้อมทั้งบ้านเรือนของขุนพรหม (สารท) ผู้เป็นน้องชาย ซึ่งเสียชีวิตด้วยไข้ป่าในคราวที่ได้ร่วมกับหลวงสุทธิโยธามาตย์ เป็นนายช่างฝีมือควบคุมการสร้างมณฑปพระพุทธบาท ตามพระบรมราชโองการ สร้างเป็นวัดเพื่อเป็นผลบุญและเป็นอนุสรณ์แก่ขุนพรหม วัดแห่งนี้จึงมีชื่อเรียกว่า "วัดบางขุนพรหม” ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว วัดบางขุนพรหมมีสภาพชำรุดทรุดโทรมลงมาก พระยาราชสุภาวดี (ขุนทอง), พระยาราชนิกุล (ทองคำ) และพระยาเทพอรชุน (ทองห่อ) ซึ่งเป็นหลานของหลวงวิสุทธิโยธามาตย์ (ตรุษ) และขุนพรหม (สารท) จึงพร้อมใจกันปฏิสังขรณ์โดยปรับปรุงรูปแบบสถาปัตยกรรม และสิ่งปลูกสร้างภายในวัดให้สอดคล้องกับงานศิลปกรรมแบบพระราชนิยมอันมีลักษณะผสมผสานไทย - จีน จนสำเร็จบริบูรณ์ แล้วน้อมเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อให้เป็นพระอารามหลวง และพระราชทานนามใหม่ของวัดแห่งนี้ว่า "วัดสามพระยาวรวิหาร” หรือเรียกกันโดยทั่วไปว่า "วัดสามพระยา”(ภาพ 3)

ภาพ 3 พระอุโบสถวัดสามพระยาในอดีต
ที่มา : กระทรวงวัฒนธรรม. ปกิณกวัฒนธรรม วัดสามพระยา และแหล่งเรียนรู้ทางศิลปวัฒนธรรมบริเวณใกล้เคียง. กรุงเทพฯ: บริษัทสุวรรณภูมิเฮอริเทจ จำกัด. 2561
ในปี พ.ศ. 2558 กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนวัดสามพระยาวรวิหารเป็นโบราณสถาน ในเขตกรุงเทพมหานคร ในพระอุโบสถของวัดสามพระยาเขตพุทธาวาสมีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยม หันหน้าไปทางทิศเหนือ (ภาพ 4) ประกอบด้วย กำแพงและซุ้มประตูทางเข้ากั้นโดยรอบ พระอุโบสถ ซุ้มสีมา พระวิหาร พระเจดีย์รูปแบบต่าง ๆ สำหรับพระอุโบสถอันเป็นสถานที่สำคัญของวัดนั้น มีลักษณะทางศิลปกรรมแบบพระราชนิยมรัชกาลที่ 3 คล้ายกับพระอุโบสถของวัดที่สร้างหรือปฏิสังขรณ์ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เช่น พระอุโบสถวัดโอรสาราม พระอุโบสถวัดราชนัดดาราม พระอุโบสถวัดเทพธิดาราม เป็นต้น เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน หลังคาจั่วมุงกระเบื้องเคลือบแบบจีน กรอบหน้าบันประดับเครื่องเคลือบศิลปกรรมแบบจีน ซุ้มประตูหน้าต่างประดับลายปูนปั้นช่อดอกพุดตาน ใต้กรอบล่างของหน้าต่างทำเป็นฐานสิงห์ บานประตูหน้าต่างเขียนลายรดน้ำ ลายพันธุ์พฤกษาแบบจีน มีระเบียงยกพื้นล้อมรอบ มีบันไดใหญ่ด้านหน้า มีบันไดเล็กทางด้านข้างบริเวณมุมทั้งสี่ เชิงราวบันไดตั้งตุ๊กตาหินรูปสิงโตแบบจีน รอบพระอุโบสถมีใบเสมาหรือหลักเสมาปักโดยรอบทั้ง 8 ทิศ

ภาพ 4 เขตพุทธาวาสวัดสามพระยาวรวิหาร หันหน้าไปทางทิศเหนือ
หน้าบันพระอุโบสถวัดสามพระยา
หน้าบันเป็นส่วนประกอบสถาปัตยกรรม ลักษณะทรงจั่ว ตามความหมายในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ได้ให้ความหมายของคำว่า "หน้าบัน” ไว้ว่า คือส่วนที่เรียกว่า "จั่ว” ใช้แก่ปราสาท โบสถ์ วิหาร เป็นต้น สำหรับหน้าบันของอาคารในพุทธศาสนสถาน หมายถึง "องค์ประกอบอาคารที่ใช้อิฐหรือไม้ ก่อหรือปิดทับบริเวณส่วนที่เป็นโพรงของโครงจั่วหลังคา เพื่อป้องกันไม่ให้แดดหรือฝนสาดเข้าไปภายในอาคาร นิยมแกะสลักหรือปั้นปูนประดับตกแต่ง” สำหรับหน้าบันพระอุโบสถวัดสามพระยามีลวดลายสัญลักษณ์มงคลจีนประดับตกแต่งพื้นที่ภายในกรอบหน้าบันด้วยถ้วยจานกระเบื้องเบญจรงค์และลายครามเป็นวัสดุหลักเหมือนกัน ทั้งสองด้าน (ภาพ 5)
ภาพ 5 ภาพสัญลักษณ์มงคลจีนภายในกรอบหน้าบันพระอุโบสถ วัดสามพระยาวรวิหาร
ความหมายของสัญลักษณ์มงคลจีนภายในกรอบหน้าบันพระอุโบสถวัดสามพระยา
ลักษณะลวดลายที่ปรากฏภายในกรอบหน้าบันพระอุโบสถวัดสามพระยาด้านหน้าและด้านหลัง เหมือนกันทั้งสองด้าน ลวดลายที่ปรากฏบนหน้าบันเป็นรูปสัญลักษณ์มงคลตามคติความเชื่อแบบจีน เป็นรูปแจกันดอกไม้ พานผลไม้ ปลา สิงห์ ดอกไม้ รูปหินมงคล ลายประแจ ประดับด้วยถ้วยจานกระเบื้องเบญจรงค์และกระเบื้องลายคราม ในที่นี้ขออธิบายความหมายของรูปสัญลักษณ์มงคลจีนที่ปรากฏภายในกรอบหน้าบันพระอุโบสถวัดสามพระยา ดังนี้
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงวัฒนธรรม. ปกิณกวัฒนธรรม วัดสามพระยา และแหล่งเรียนรู้ทางศิลปวัฒนธรรมบริเวณใกล้เคียง. กรุงเทพฯ: บริษัทสุวรรณภูมิเฮอริเทจ จำกัด. 2561.
ประกาศกรมศิลปากร ราชกิจจานุเบกษา หน้า 10 เล่ม 135 ตอนพิเศษ 165 ง วันที่ 12 กรกฎาคม 2561.
พิสิฐ เจริญสุข ... [และคนอื่นๆ] พระอารามหลวง. กรุงเทพฯ : กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม, 2551.
พรพรรณ จันทโรนานนท์. ฮก ลก ซิ่ว โชค ลาภ อายุยืน. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มติชน. 2549.
อชิรัชญ์ ไชยพจน์พานิช. อิทธิพลศิลปะจีนในงานจิตรกรรมแบบนอกอย่างสมัยรัชกาลที่ 3. วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม.(ประวัติศาสตร์ ศิลปะ))--มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕47.
เว็บไซต์ https://www.khaosod.co.th
เว็บไซต์ https://www.bloggang.com